เชื่อว่าหลายๆคนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าสื่อที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดคือ ‘VDO’ ด้วยความที่ง่ายต่อการรับชม มีทั้งภาพและเสียงในสื่อเดียว การทำ SEO ให้กับ VDO หรือทำ Youtube SEO นั้น จึงเป็นสิ่งที่สายคอนเทนต์ต้องหาทำสุดๆ บวกกับมีหลายๆแหล่งข่าวออกมาสรุปเทรนด์การทำ SEO ของปี 2021 ที่มีเรื่องนี้อยู่แล้วด้วยนั้น ยิ่งทำให้ประเด็นนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
.
แล้วเราจะทำ Youtube SEO ได้อย่างไรล่ะ ?
- ความยาวของ VDO ไม่ต่ำกว่า 1 นาที เพราะ..
ยิ่งความยาวของ VDO เหมาะสม ยิ่งทำให้รักษาผู้ชมให้อยู่กับ VDO ได้นานเท่านั้น
Bot ของ Youtube จะมองว่า VDO ที่มีความยาวน้อยกว่า 60 วินาที เป็นสแปม
นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบย่อยๆในหัวข้อนี้ ที่ Youtube นำมาพิจารณาร่วมตามอัลกอริทึม ได้แก่
– จำนวนคอมเมนต์
– จำนวนไลก์
– จำนวนเวลาที่ถูกชมโดยรวม
– จำนวนการถูกแชร์ไปยัง Social Network
หลักการง่ายๆคือ “หากอยากทำ Youtube SEO ควรสร้าง VDO ที่มีเนื้อหาและคุณค่าในความยาวที่เหมาะสม”
.
- ชื่อ VDO Youtube
ข้อผิดพลาดในการทำ SEO VDO ที่พบบ่อย คือตั้งชื่อได้ไม่ดีพอ ทั้งในส่วนของไฟล์ VDO และชื่อ VDO
หากคุณไม่อธิบายรายละเอียดหรือเนื้อหาของไฟล์ VDO ก่อนการอัปโหล Bot ของ Youtube จะไม่สามารถเข้าใจได้ ว่า VDO ของคุณเกี่ยวข้องกัยอะไร
วิธีเพิ่มรายละเอียดของชื่อไฟล์และคำอธิบาย ทำได้โดย
-คลิกขวาที่ไฟล์วิดีโอ เลือก “Properties”
-ใส่ชื่อไฟล์วิดีโอที่คุณต้องการในส่วนของ File Name และ Title ให้มี Primary Keyword และ Secondary Keyword ร่วมอยู่ด้วย
-ใส่หัวข้อรอง ในส่วนของ Subtitle ให้มี Secondary Keyword อื่น ๆ (ที่ไม่ซ้ำกับ File Name และ Title) ร่วมอยู่ด้วย
-ใส่ Rating ให้เป็น 5 ดาว
-ใส่ Keyword อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในวิดีโอ ในส่วนของ Tags
-ใส่คำอธิบายในส่วนของ Comments ว่าวิดีโอมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
-บันทึก (Save)
หลังจากทำการอัปโหลด รวมถึงก่อนการเผยแพร่ ต้องแน่ใจว่า ชื่อ VDO (Title) บน Youtube กับชื่อไฟล์ VDO (File Name) เป็นชื่อเดียวกัน
.
- คำอธิบาย VDO
หนึ่งในเคล็ดลับการทำ Youtube SEO คือการเชื่อมโยง VDO ไปยังหน้า Landing page บนเว็บไซต์ของคุณ หรือ Social Network ต่างๆ โดยการแนบลิงก์ในคำอธิบาย VDO เช่น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่…, สั่งซื้อได้ที่.. เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของคำอธิบายในวิธีอื่นๆ เช่น
– คำอธิบายต้องยูนีค ไม่ซ้ำใคร จริงๆแล้วถ้า VDO มีคำอธิบายซ้ำ จะมีการปรับโทษ
– คำอธิบายควรมีอย่างน้อย 200 คำ
– ใช้ Secondary Keyword หรือคำค้นหาที่มีความสำคัญรองจากคำหลัก
– ควรใช้ Keyword แต่ละคำเพียงครั้งเดียวในคำอธิบาย
- การเพิ่ม Subtitle
การใส่ Subtitle เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำ ให้ Youtube เข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในคลิปมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO VDO ให้ดีมากยิ่งขึ้น
.
- เพิ่ม Timestamps ในแต่ละ VDO
ในปัจจุบัน Google มี Key Moment บนหน้าผลการค้นหา เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกชม VDO เฉพาะส่วน หรือช่วงที่ต้องการรับชมได้ การสร้าง Timestamp จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณมีโอกาสติดอันดับการค้นหาของ Google Search และติด Youtube SEO นั่นเอง
การเพิ่ม Time Stamps สามารถทำได้ 3 ส่วนด้วยกัน
– บนตัวเล่น VDO: แบ่งช่วงของ VDO โดยเมื่อนำเมาส์ไปสัมผัส จะปรากฎเป็นชื่อของช่วงนั้นๆ
– ในคำอธิบาย VDO: ระบุช่วงเวลาของแต่ละช่วงลงในส่วนของคำอธิบาย
– ใน Comment: แสดงความคิดเห็นระบุช่วงพร้อมชื่อ และปักไว้เป็น Top Comment
.
- สร้าง Youtube Playlist บนช่อง
การทำเพลย์ลิสต์เป็นขั้นตอนสุดท้าย เมื่อทำการอัปโหลด VDO เสร็จแล้ว ซึ่งเป็นการช่วยจัดหมวดหมู่ VDO ให้เป็นระเบียบและง่ายต่อการรับชมมากขึ้น โดยทำการเพิ่ม Keyword ที่เกี่ยวข้องไว้ในชื่อของแต่ละ Palylist ด้วย จะทำให้การทำ SEO ได้ผลยิ่งขึ้น
.
- ทำภาพตัวอย่างของ VDO
การทำภาพ VDO Thumbnail หรือภาพตัวอย่าง สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ ซึ่งในภาพ นอกจากจะเป็นรูปที่เกี่ยวข้อง ยังสามารถใส่ข้อความบ่งบอกว่า VDO ของคุณเกี่ยวกับอะไรได้อีกด้วย
สามารถทำได้โดย การเพิ่มภาพตัวอย่างที่กำหนดเอง โดยคลิก”Custom thumbnail” ทำการอัปโหลด
4 สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการสร้างภาพตัวอย่างวิดีโอ
-ขนาดรูปภาพ 1280 x 720 px
-ขนาดไฟล์ภาพต้องน้อยกว่า 2MB
-ใช้สีสดใส หรือผสมผสานระหว่างสีสันสดใสสองสี วิธีนี้จะช่วยให้ภาพตัวอย่างวิดีโอของคุณโดดเด่น
-ชนิดไฟล์ภาพต้องเป็น .JPG, .BMP, .GIF, .PNG
.
- ปรับแต่ง Youtube Channel
ในหน้าโปรไฟล์ของคุณ สามารถใส่ข้อมูลเพื่อให้ Bot ของ Youtube ทราบเนื้อหา การปรับแต่ง Channel Profile สามารถเพิ่มอันดับของ SEO VDO ในผลการค้นหา หรือเพิ่มประสิทธิภาพของ Youtube SEO นั่นเอง
โดยต้องคำนึงถึง 4 ส่วนในการปรับแต่ง ดังนี้
– ภาพพื้นหลังและรูปโปรไฟล์
– ภาพปกของ Channel
– คำอธิบายเกี่ยวกับช่องของคุณ เพื่อให้ Bot ของเครื่องมือค้นหาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ VDO ของคุณมากขึ้น และอย่าลืมเพิ่ม Keyword รองในส่วนต้นๆของประโยค ที่ไม่ซ้ำกันประมาณ 2-3 ตำแหน่ง
– เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือหน้า Social Media ช่องทางอื่นๆ
– สมัครรับข้อมูลหรือ Subscribe *ทำการ Subscribe ช่องอื่นที่มีความใกล้เคียงกัน Bot ของ Google และ Youtube จะเข้าใจ VDO มากขึ้น
.
- แชร์ VDO ไปยัง Social Media
หากเป็นเมื่อก่อน การทำ SEO จะขึ้นอยู่กับช่องทางบนเว็บไซต์ แต่ปัจจุบัน Google รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทุก Social Media มาเป็นส่วนในการตัดสินใจจัดลำดับ และทำให้การทำ SEO VDO ดีขึ้นอีกด้วย เช่น
– การเชื่อมช่อง Youtube เข้ากับบัญชี Facebook / Twitter แบบอัตโนมัติ กล่าวคือ เมื่อมีการอัปโหลด VDO จะถูกส่งไปยังช่องทางเหล่านนี้อัตโนมัติ
– โพสต์ไปยังช่องทาง Social media ส่วนตัว
– ซื้อบริการแชร์วิดีโอไปยังบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยม
.
- สร้าง Blacklink ไปยัง Youtube และ Embed VDO
สามารถสร้าง Youtube SEO ได้โดยการ
– นำลิงก์ VDO ไปเผยแพร่ในบล็อก, Pinterest, Tumblr, และลายเซ็นต์ของอีเมลได้ รวมถึงเพิ่ม VDO ในเว็บส่วนตัว (หากมี) โดยอาจจะทำ 3-4 ลิงก์/สัปดาห์
– จำนวน Embed ของ VDO ก็จะถูกนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน
– แชร์ลิงก์ไปยัง Social Media ทั้งส่วนตัวและธุรกิจ
– การส่งวิดีโอไปยัง OnlyWire (onlywire.com) : เป็นตัวช่วยในการส่งวิดีโอไปยัง Social Bookmark ได้ทีละหลาย ๆ เว็บภายในครั้งเดียว
– ส่งไปยังเว็บไดเรกทอรีและเว็บโปรไฟล์ธุรกิจต่าง ๆ
-Guest Post: เขียนบทความในบล็อกหรือเว็บไซต์พันธมิตรของคุณ แนบลิงก์หรือ Embed วิดีโอไว้ในเนื้อหานั้น ๆ
– โพสต์ไปยังเว็บกระทู้ต่าง ๆ
.
การทำ SEO VDO ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ติด Youtube SEO ได้ แต่ทั้งนี้ แต่ละคน อาจจะมีวิธีการหรือเทคนิคในการทำที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ลองนำวิธีที่ MarketingGuru นำมาแชร์ไปปรับใช้กันดูนะคะ
หรือใครที่ยังมองว่าการทำ Youtube SEO อาจจะยุ่งยากไป ลองทักมาปรึกษา MarketingGuru ได้นะค้า ยินดีให้บริการสุดๆไปเลย 😍
ติดต่อ MarketingGuru
Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io
โทร 02-381-9045
E-mail: contact@marketingguru.io
… ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษาด้าน Digital Marketingได้ ฟรี! …