ขายของออนไลน์ ใช้ขนส่งเจ้าไหนดี แล้วมีค่าส่งพัสดุเท่าไหร่
ธุรกิจขายของออนไลน์ และบริการขนส่ง เป็นของคู่กัน ดังนั้น ก่อนจะทำการขาย เหล่าพ่อค้าแม่ค้า จำเป็นต้องศึกษาเรื่องบริการขนส่งในแต่ละราย ทั้งค่าส่งพัสดุ ระยะเวลา รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพื่อไขปัญหาเลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี พร้อมทั้งให้การทำธุรกิจในครั้งนี้ คุ้มทุน และคุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน
ในบทความนี้ จะขอนำเสนอข้อมูลบริการขนส่งในปัจจุบัน เพื่อช่วยธุรกิจขายของออนไลน์ตอบคำถาม ว่าควรจะเลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้
เลือกใช้บริการขนส่งเจ้าไหนดี ให้ธุรกิจขายของออนไลน์คุ้มที่สุด
ตารางเปรียบเทียบค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด และระยะเวลาจัดส่งของบริการขนส่งพัสดุในไทย
จากตารางข้างต้น แสดงการเปรียบเทียบข้อมูล 8 บริการขนส่ง โดยมีค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด ระยะเวลาการขนส่ง รวมถึงพื้นที่ครอบคลุมการจัดส่ง ซึ่งหากเป็นค่าส่งพัสดุ ไปรษณีย์ไทย จะราคาถูกที่สุด แต่ทั้งนี้นั้น ทุกเจ้าจะมีการกำหนดน้ำหนักที่แตกต่างกัน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้ค่ะ
8 บริการขนส่ง เจาะค่าส่งพัสดุ ไขข้อสงสัย เลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี
1. ไปรณีย์ไทย
ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุ ภายใต้รัฐวิสาหกิจ ครอบคลุมการขนส่งทั่วไทย เลือกได้ทั้งแบบลงทะเบียน EMS รวมถึง eCo-Post ทำให้ค่าส่งพัสดุมีอัตราเริ่มต้นต่ำกว่าเจ้าอื่น ใช้เวลาขนส่ง 1-5 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทการจัดส่ง และระยะของปลายทาง โดยทั้งนี้ สามารถคำนวณค่าส่งพัสดุเบื้องต้นได้ที่หน้าเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย รวมถึงไปรณีย์ไทย ยังมีการรับประกันสินค้า และชดเชยค่าเสียหายให้ผู้ใช้บริการอีกด้วย
ด้วยการเป็นบริการขนส่งที่อยู่คู่คนไทยมานาน ประกอบกับการมีหลากหลายตัวเลือกการจัดส่ง และการรับประกันต่างๆ ทำให้ไปรษณีย์ไทย ได้รับความไว้ใจจากคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน
2. Kerry Express
เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นบริการขนส่งเอกชนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยการมีจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถพบได้ในหลากหลายที่ ทั้งสำนักงาน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า และพร้อมรับประกันการขนส่งในระยเวลารวดเร็ว 1-2 วัน
ค่าส่งพัสดุของเคอรี่ เริ่มต้น 30 บาท ซึ่งเป็นเรตราคาทั่วไป ทั้งนี้ ยังมีบริการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และมาเลซียด้วยเช่นกัน
3. Flash Express
หนึ่งในธุรกิจขนส่งพัสดุที่ได้รับความนิยม ที่เปิดธุรกิจมาไม่นาน ก็ได้รับขนานนามว่าเป็น บริการโลจิสติกจัดส่งพัสดุชั้นนำของไทย ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร ที่มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าหลายเจ้า พร้อมรับประกันการขนส่งไวทั่วประเทศ
ทั้งนี้ Flash Express ยังเป็นผู้ให้บริการขนส่งพัสดุเจ้าแรก ที่เข้ารับพัสดุฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรก และเปิดบริการทุกวัน แบบไม่มีวันหยุด รวมถึงกำหนดน้ำหนักในปริมาณ 50 กก. ซึ่งถือว่าเยอะกว่าหลายเจ้าด้วยเช่นกัน
4. DHL
บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์สัญชาติเยอรมัน ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ขนส่งพัสดุชิ้นเล็ก อย่างจดหมาย ไปจนถึงชิ้นใหญ่อย่างตู้คอนเทนเนอร์
ค่าจัดส่งพัสดุของ DHL เริ่มต้นในราคาเพียงแค่ 23 บาท จัดส่งรวดเร็วทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ และสามารถขนส่งข้ามประเทศได้มากกว่า 220 ประเทศ มาพร้อมกับบริกาชำระเงินปลายทาง และการคืนเงินค่าสินค้าที่รวดเร็ว
5. SCG Express
บริการขนส่งพัสดุอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน โดยปัจจุบัน เปิดให้บริการในไทย ที่เป็รบริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ที่มีค่าจัดส่งเริ่มต้น 35 บาท จัดส่งตรงเวลา รับประกันความเสียหายของพัสดุอีกด้วย
SCG Express ให้บริการขนส่งทั่วไทย หากจัดส่งในจังหวัดเดียวกัน จะได้รับของในวันถัดไป แต่หากเป็นการจัดส่งข้ามจังหวัด จะได้รับภายใน 2-3 วันทำการ
6. J&T Express
ธุรกิจให้บริการขนส่งที่เน้นแบบ E-Commerce เปิดให้บริกการทุกจังหวัดในไทยแบบไม่มีวันหยุด โดยมีค่าส่งพัสดุเริ่มต้น 24 บาท และกำหนดน้ำหนักไม่เกิน 50 กก.
ทั้งนี้ หากในระหว่างการจัดส่ง มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น และส่งผลต่อการจัดส่ง J&T จะรับผิดชอบ โดยการแจ้งและชดเชยค่าเสียหายให้ผู้จัดส่งโดยเร็วที่สุด
7. Ninjavan
บริการจัดส่งพัสดุเอกชน ที่ใช้เทคโนโลยีในการให้บริการ สามารถเช็กการจัดส่งได้แบบ Real-Time มาพร้อมกับค่าส่งพัสดุที่เริ่มต้นเพียง 23 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ Ninjavan ยังครอบคลุมการจัดส่งทั้งในไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ส่งสามารถเลือกจุดรับ-ส่งได้ รวมถึงเลือกประเภทการจัดส่งได้ ทั้งแบบส่งถึงวันถัดไป ส่งด่วน หรือส่งแบบปกติ มีบริการเก็บเงินปลายทางทุกพื้นที่ด้วยเช่นกัน
8. Best Express
บริการขนส่งพัสดุรายใหญ่จากประเทศจีน ที่เปิดครอบคลุมพื้นที่ในไทยทั้ง 77 จังหวัด โดยมีการดำเนินธุรกิจ 2 รูปแบบ คือ Best Express ที่ให้บริการรับส่งพัสดุด่วย และ Best Supply Chain ที่ให้บริการคลังสินค้า
และทั้งนี้ Best Expres ยังรองรับการขนส่งพัสดุถึง 100 กก. ในค่าส่งพัสดุเริ่มต้น 40 บาทด้วยเช่นกัน
นอกจากเลือกขนส่งเจ้าไหนดีแล้ว การประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ ควรมีการตลาดที่ดี ซึ่งหากจะให้ตรงกับประเภทของธุรกิจแล้ว แนะนำให้เป็นการตลาดออนไลน์ โดยมีหลักการเบื้องต้นดังต่อไปนี้
3 หลักการตลาดออนไลน์เบื้องต้น สำหรับธุรกิจขายของออนไลน์
1. รู้กลุ่มเป้าหมาย เลือก Target ที่ใช่
ทุกรูปแบบการตลาดออนไลน์ สิ่งสำคัญคือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ทั้งนี้ ธุรกิจต้องทราบและเข้าใจก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายคือใคร เพื่อนำไปสู่การศึกษาพฤติกรรม การเลือกช่องทาง Social Media และจัดทำ Content Maeketing ในลำดับต่อไป
2. เลือก Social Media ที่เหมาะสม
ปัจจุบัน Social Media Platform มีให้เลือกใช้จำนวนมาก แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ธุรกิจทุกรูปแบบ จะเหมาะสมกับทุกแพลตฟอร์ม ขึ้นอยู่กับรูปแบบ ตัวตน และความต้องการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้นด้วย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายอยู่ในช่วง 18-35 ปี ธุรกิจอาจจะใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม แต่สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกัน หากธุรกิจมีกลุ่มเป้าหมายในช่วง 45-60 ปี อาจจะเลือกเป็น Facebook หรือ Official Website ที่เข้าถึงกลุ่มคนดังกล่าว เป็นต้น
3. สร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึง คำนึงถึง Branding
Content Marketing มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้ง Social Post, Short VDO, Long VDO หรือในรูปแบบของ Influencer Review ทั้งนี้ ทุกธุรกิจสามารถทำคอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย, แพลตฟอร์มที่เลือก รวมถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำด้วยเช่นกัน
การตลาดออนไลน์ที่ดี ช่วยธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไรบ้าง ?
1. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำนวนมาก
การตลาดออนไลน์ ถือว่าเป็นโลกแห่งการขายแบบไร้พรมแดน ไม่จำกัดจำนวนของผู้ที่มองเห็นหรือเข้าถึง นั่นทำให้การทำ Content Marketing สามารถกระจายการรับรู้ได้อย่างกว้างขวาง นำมาสู่การมีส่วนร่วม และการสร้างรายได้ในอนาคต
2. Branding ที่ดี และมีจุดยืนที่ชัดเจน
การเลือกสื่อต่างๆ ทั้งรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ ช่วยส่งภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพิ่มการจดจำ และมีการพูดถึงในทุกกระแสสังคม
3. ทำการตลาดออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา
ส่วนใหญ่จะเป็นการโพสต์ใน Social Media Platform นั่นทำให้ธุรกิจสามารถทำได้ทุกเวลา เพิ่มการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวก ง่าย และใช้ต้นทุนต่ำ
4. ใช้ต้นทุนต่ำกว่าการตลาดออฟไลน์
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ว่าการทำการตลาดออนไลน์ จะผ่านการโพสต์ลงใน Social Media Platform ทั้งนี้ หากธุรกิจทราบถึงคอนเทนต์และกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ไม่ต้องยิงโฆษณา) แต่ทั้งนี้ หากต้องใช้การยิงโฆษณา ก็ยังคงใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่า ธุรกิจต้องการแบบไหน
5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมาย
แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นเหมือนช่องทางการสื่อสาร และโต้ตอบระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ทั้งผ่านการโพสต์และคอมเมนต์ การให้คำแนะนำหลังการขาย รวมถึงการสื่อสารผ่านแชตด้วยเช่นกัน
ธุรกิจขายของออนไลน์ จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งนี้ ค่าขนส่งพัสดุ เป็นต้นทุนสำคัญ ที่ธุรกิจสามารถปรับลดได้ เพียงแค่มั่นใจที่จะตอบคำถาม ‘เลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี’ รวมถึงการทำการตลาดออนไลน์ ที่เป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์ พร้อมสื่อสารแบรนด์ไปในตัว หากธุรกิจขายของออนไลน์ เข้าใจ และปรับใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และนำมาซึ่งรายได้จากการขายของออนไลน์ได้ไมยากอย่างแน่นอน
MarketingGuru ให้บริการการตลาดออนไลน์อย่างครบวงจร ครอบคลุมทุก Social Media Marketing ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถทำการตลาดได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ธุรกิจทุกกลุ่ม ทุกอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยนำแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักได้มากยิ่งขึ้น
ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี!
Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io
โทร 02-381-9045
Line คลิก > https://page.line.me/marketingguru
หรือแอด Line : @marketingguru