โปรโมทเพจ Facebook ทำ Content Marketing ยิงแอด Facebook

การโปรโมทเพจ Facebook เป็นวิธีในการกระจายการรับรู้ และโฆษณาช่องทางออนไลน์ของธุรกิจผ่านทั้งการทำ Content Marketing และการยิงแอด Facebook แต่ทั้งนี้นั้น ธุรกิจจะต้องทราบถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงก่อน เพื่อให้การยิงแอดเฟสบุ๊คในครั้งนี้ มีประสิทธิภาพทั้งในส่วนของการเข้าถึง และสร้าง Conversion ได้ในอนาคต 

การโปรโมทเพจ Facebook สามารถทำอย่างไรได้บ้าง 

1. ยิงแอด Facebook โดยต้องรู้กลุ่มเป้าหมาย และความแตกต่าง

กลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งการทำ Content Marketing และการยิงแอดเฟสบุ๊ค ธุรกิจต้องรู้ว่า ลูกค้าเป็นกลุ่มคนไหน ทั้งเพศ ช่วงอายุ พฤติกรรมต่างๆ เพื่อให้สามารถกำหนดรูปแบบคอนเทนต์ และโฆษณาได้อย่างตรงจุด

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือจุดเด่น และความแตกต่างของธุรกิจ ในกลุ่มสินค้าหรือบริการอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งส่วนนี้ จะสามารถตอบคำถามได้ดีเลยว่า ธุรกิจจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนั้นได้อย่างไร, ทำไมต้องเลือกซื้อหรือใช้บริการธุรกิจของเรา และจุดเด่นนี้เอง ที่จะช่วยให้สามารถสร้างสรรค์ Content Marketing ได้อย่างแตกต่าง และนำไปสู่การกำหนดทั้งกลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ในการโปรโมทเพจ Facebook ได้อย่างเหมาะสม

ยกตัวอย่างเช่น

สินค้า เครื่องประดับจิวเวอรี่

  • กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: เพศหญิง ช่วงอายุ 20-45 ปี สถานะโสด
  • จุดขาย: เครื่องประดับที่สวมใส่เพียงชิ้นเดียวก็สวยได้ ใช้ง่าย ราคาดี เน้นความหรูหรา 
  • คอนเทนต์ที่จะใช้ยิงแอดเฟสบุ๊ค: เปลี่ยนลุคธรรมดาให้กลายเป็นคุณหนู ด้วยเครื่องประดับสุดหรูในราคาเอื้อมถึง

2. สร้างสรรค์ Content Marketing ให้หลากหลาย

ใน 1 เพจ ควรมีการทำคอนเทนต์หลายรูปแบบ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในคอนเทนต์ที่ต่างกัน ทั้งนี้ ในการออกแบบคอนเทนต์ ควรคำนึงถึงความเป็น Branding เพื่อคงไว้ซึ่งจุดยืนของธุรกิจอย่างชัดเจน หากยังไม่แน่ใจว่าเราควรโปรโมทเพจ Facebook ด้วยคอนเทนต์แบบไหนได้บ้าง แนะนำให้ลองสังเกตจากคู่แข่ง แล้วค่อยนำมาพิจารณาอีกครั้ง 

ตัวอย่างการโปรโมตเพจ Facebook โดยใช้คอนเทนต์ที่หลากหลาย 

สินค้า: เครื่องประดับจิวเวอรี่ 

  • คอนเทนต์ให้ความรู้: เลือกจิวเวอรี่อย่างไร ให้ถูกต้องตามสีผิว
  • คอนเทนต์ข่าวสาร: วงการจิวต้องรู้! เปิดตัวอัญมณีใหม่ ถูกใจสาวเจนซี
  • คอนเทนต์เทรนด์: หมูเด้งที่ว่าผิววาวใส ก็ยังไม่สู้จิวร้านเรา
  • คอนเทนต์รีวิวสินค้า: รีวิวจากผู้ใช้จริง: คุณ a ยืนยัน ใส่จิวแล้วผิวไม่คันแน่นอน
  • คอนเทนต์สัมภาษณ์: Q&A: สัมผัสแรก เมื่อได้สวมใส่จิวเวอรี่ร้านเรา  

3. มีแคมเปญหรือโปรโมชัน ประชาสัมพันธ์ด้วยการยิงแอด Facebook

การใช้แคมเปญหรือโปรโมชัน ถือเป็นการส่งเสริมการขายในรูปแบบหนึ่ง หากเรามีการออกโปรฯ ร่วมกับการยิงแอดเฟสบุ๊ค จะช่วยเพิ่มฐานการเข้าถึง และดึงดูดเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การโปรโมทเพจ Facebook ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ตัวอย่างการสร้างแคมเปญเพื่อใช้ในการโปรโมทเพจ Facebook เช่น

  • โปรโมทเพจด้วยการแจกของรางวัลจากกิจกรรม
  • โปรโมทเพจด้วยการจัดโปรโมชันราคาพิเศษให้ผู้ที่กดไลก์หรือกดติดตาม
  • โปรโมทเพจโดยการจัดสินค้านาทีทองราคาพิเศษในไลฟ์สด

การโปรโมทเพจ Facebook วิธีนี้ ถือเป็นเพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่แล้ว เงื่อนไขคือจะต้องกระทำบางอย่างกับเพจ ทั้งกดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม ซึ่งในส่วนนี้ ไม่จำเป็นต้องยิงแอดเฟสบุ๊คก็สามารถเพิ่ม Engagement ได้จริง

4. มีการ Collab ร่วมกับเพจอื่น หรือพาร์ตเนอร์

การร่วมมือกับเพจอื่น หรือพาร์ตเนอร์ ส่วนใหญ่แล้ว จะถูกนำเสนอผ่านคอนเทนต์ หรือกิจกรรมบางอย่างร่วมกัน โดยจะเป็นวิธีโปรโมทเพจ Facebook กับกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายไปยังฐานลูกค้าใหม่ ที่มาจากกลุ่มของพาร์ตเนอร์และเพจอื่น เพิ่มการเข้าถึงหน้าเพจ Facebook พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมไปในตัวด้วย

5. อัปเดตเพจด้วยการใช้ Content Marketing, ยิงแอด Facebook หรือการคอมเมนต์

การทำ Facebook Page ต้องการอัปเดต และเคลื่อนไหวเสมอ เพื่อให้เพจดูมีตัวตนในโลก Social Media และแจ้งต่อผู้ติดตามว่าสามารถติดต่อธุรกิจผ่านช่องทางนี้ได้ โดยวิธีนั้น สามารถใช้เป็นการโปรโมทเพจ Facebook โดยใช้คอนเทนต์ต่างๆ ทั้งอัปเดตข่าวสาร แชร์เรื่องน่ารู้ Real-Time Content กิจกรรม Give A Way หรือการสร้างโพสต์พูดคุยกับผู้ติดตาม พร้อมทั้งนี้ การยิงแอด Facebook ก็ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นอกจากช่วยในการโปรโมทเพจ Facebook ได้แล้ว ยังเป็นการแจ้งต่อผู้ที่เห็นโฆษณา ว่าธุรกิจก็ยังมีช่องทางนี้เพื่อใช้พูดคุยได้เช่นกัน 

6. อัปเดต Facebook Story, Live สด และการทำวิดีโอผ่าน Facebook Reels 

ใช้ฟีเจอร์อื่นร่วมโปรโมทเพจ Facebook ร่วมกับ Content Marketing ทั้งการใช้ Facebook Story ที่อาจจะแชร์โพสต์มาลงไว้ หรืออัปดตกิจกรรมข่าวสารต่างๆ และการ Live สด พูดคุยกับผู้ติดตาม หรือ Live สดขายของ รวมถึงการทำคอนเทนต์ผ่าน Facebook Reels ก็ถือเป็นการโปรโมทเพจได้โดยไม่ต้องยิงแอดเฟสบุ๊คอีกด้วย 

การโปรโมทเพจ Facebook สามารถทำได้หลายวิธี โดยมีทั้งแบบที่เสียเงิน และไม่เสียเงิน ทั้งนี้ แนะนำว่า ควรใช้ทุกวิธีร่วมกัน ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างการรับรู้ได้ในวงกว้าง การเป็นที่จดจำของแบรนด์ในกลุ่มลูกค้า รวมถึงสร้างสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าด้วยเช่นกัน 

ให้เรื่องโปรโมทเพจ Facebook เป็นเรื่องง่าย จะยิงแอด Facebook หรือ Content Marketing ก็ทำได้แบบไม่ต้องลังเล ให้ MarketingGuru เป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ให้ธุรกิจคุณ ทั้งช่วยกระตุ้น Engagement ทำคอนเทนต์เพิ่ม Conversion พร้อมดันยอดขายให้ธุรกิจเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้ล้นหลามอีกด้วย

🧡 ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี! 🧡

👉🏻 Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io

👉🏻 โทร 02-381-9045

👉🏻 Line คลิก > https://page.line.me/marketingguru

หรือแอด Line : @marketingguru

ธุรกิจขายของออนไลน์ จะใช้ขนส่งเจ้าไหนดีนั้น ควรพิจารณาจากค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด จำนวนวันจัดส่ง เพื่อช่วยบริหารต้นทุนให้คุ้มที่สุด

ขายของออนไลน์ ใช้ขนส่งเจ้าไหนดี แล้วมีค่าส่งพัสดุเท่าไหร่ 

ธุรกิจขายของออนไลน์ จะใช้ขนส่งเจ้าไหนดีนั้น ควรพิจารณาจากค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด จำนวนวันจัดส่ง เพื่อช่วยบริหารต้นทุนให้คุ้มที่สุด

ขายของออนไลน์ ใช้ขนส่งเจ้าไหนดี แล้วมีค่าส่งพัสดุเท่าไหร่

ธุรกิจขายของออนไลน์ และบริการขนส่ง เป็นของคู่กัน ดังนั้น ก่อนจะทำการขาย เหล่าพ่อค้าแม่ค้า จำเป็นต้องศึกษาเรื่องบริการขนส่งในแต่ละราย ทั้งค่าส่งพัสดุ ระยะเวลา รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพื่อไขปัญหาเลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี พร้อมทั้งให้การทำธุรกิจในครั้งนี้ คุ้มทุน และคุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน 

ในบทความนี้ จะขอนำเสนอข้อมูลบริการขนส่งในปัจจุบัน เพื่อช่วยธุรกิจขายของออนไลน์ตอบคำถาม ว่าควรจะเลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้ 

เลือกใช้บริการขนส่งเจ้าไหนดี ให้ธุรกิจขายของออนไลน์คุ้มที่สุด

ธุรกิจขายของออนไลน์ จะใช้ขนส่งเจ้าไหนดีนั้น ควรพิจารณาจากค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด จำนวนวันจัดส่ง เพื่อช่วยบริหารต้นทุนให้คุ้มที่สุด

ตารางเปรียบเทียบค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด และระยะเวลาจัดส่งของบริการขนส่งพัสดุในไทย

จากตารางข้างต้น แสดงการเปรียบเทียบข้อมูล 8 บริการขนส่ง โดยมีค่าส่งพัสดุ น้ำหนักที่กำหนด ระยะเวลาการขนส่ง รวมถึงพื้นที่ครอบคลุมการจัดส่ง ซึ่งหากเป็นค่าส่งพัสดุ ไปรษณีย์ไทย จะราคาถูกที่สุด แต่ทั้งนี้นั้น ทุกเจ้าจะมีการกำหนดน้ำหนักที่แตกต่างกัน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้ค่ะ 

8 บริการขนส่ง เจาะค่าส่งพัสดุ ไขข้อสงสัย เลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี

1. ไปรณีย์ไทย 

ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุ ภายใต้รัฐวิสาหกิจ ครอบคลุมการขนส่งทั่วไทย เลือกได้ทั้งแบบลงทะเบียน EMS รวมถึง eCo-Post ทำให้ค่าส่งพัสดุมีอัตราเริ่มต้นต่ำกว่าเจ้าอื่น ใช้เวลาขนส่ง 1-5 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทการจัดส่ง และระยะของปลายทาง โดยทั้งนี้ สามารถคำนวณค่าส่งพัสดุเบื้องต้นได้ที่หน้าเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย รวมถึงไปรณีย์ไทย ยังมีการรับประกันสินค้า และชดเชยค่าเสียหายให้ผู้ใช้บริการอีกด้วย 

ด้วยการเป็นบริการขนส่งที่อยู่คู่คนไทยมานาน ประกอบกับการมีหลากหลายตัวเลือกการจัดส่ง และการรับประกันต่างๆ ทำให้ไปรษณีย์ไทย ได้รับความไว้ใจจากคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน

2. Kerry Express 

เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นบริการขนส่งเอกชนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยการมีจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถพบได้ในหลากหลายที่ ทั้งสำนักงาน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า และพร้อมรับประกันการขนส่งในระยเวลารวดเร็ว 1-2 วัน

ค่าส่งพัสดุของเคอรี่ เริ่มต้น 30 บาท ซึ่งเป็นเรตราคาทั่วไป ทั้งนี้ ยังมีบริการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และมาเลซียด้วยเช่นกัน 

 3. Flash Express

หนึ่งในธุรกิจขนส่งพัสดุที่ได้รับความนิยม ที่เปิดธุรกิจมาไม่นาน ก็ได้รับขนานนามว่าเป็น บริการโลจิสติกจัดส่งพัสดุชั้นนำของไทย ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร ที่มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าหลายเจ้า พร้อมรับประกันการขนส่งไวทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ Flash Express ยังเป็นผู้ให้บริการขนส่งพัสดุเจ้าแรก ที่เข้ารับพัสดุฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรก และเปิดบริการทุกวัน แบบไม่มีวันหยุด รวมถึงกำหนดน้ำหนักในปริมาณ 50 กก. ซึ่งถือว่าเยอะกว่าหลายเจ้าด้วยเช่นกัน 

 4. DHL 

บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์สัญชาติเยอรมัน ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ขนส่งพัสดุชิ้นเล็ก อย่างจดหมาย ไปจนถึงชิ้นใหญ่อย่างตู้คอนเทนเนอร์ 

ค่าจัดส่งพัสดุของ DHL เริ่มต้นในราคาเพียงแค่ 23 บาท จัดส่งรวดเร็วทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ และสามารถขนส่งข้ามประเทศได้มากกว่า 220 ประเทศ มาพร้อมกับบริกาชำระเงินปลายทาง และการคืนเงินค่าสินค้าที่รวดเร็ว

5. SCG Express

บริการขนส่งพัสดุอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน โดยปัจจุบัน เปิดให้บริการในไทย ที่เป็รบริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ที่มีค่าจัดส่งเริ่มต้น 35 บาท จัดส่งตรงเวลา รับประกันความเสียหายของพัสดุอีกด้วย

SCG Express ให้บริการขนส่งทั่วไทย หากจัดส่งในจังหวัดเดียวกัน จะได้รับของในวันถัดไป แต่หากเป็นการจัดส่งข้ามจังหวัด จะได้รับภายใน 2-3 วันทำการ

6. J&T Express 

ธุรกิจให้บริการขนส่งที่เน้นแบบ E-Commerce เปิดให้บริกการทุกจังหวัดในไทยแบบไม่มีวันหยุด โดยมีค่าส่งพัสดุเริ่มต้น 24 บาท และกำหนดน้ำหนักไม่เกิน 50 กก. 

ทั้งนี้ หากในระหว่างการจัดส่ง มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น และส่งผลต่อการจัดส่ง J&T จะรับผิดชอบ โดยการแจ้งและชดเชยค่าเสียหายให้ผู้จัดส่งโดยเร็วที่สุด 

7. Ninjavan 

บริการจัดส่งพัสดุเอกชน ที่ใช้เทคโนโลยีในการให้บริการ สามารถเช็กการจัดส่งได้แบบ Real-Time มาพร้อมกับค่าส่งพัสดุที่เริ่มต้นเพียง 23 บาทเท่านั้น 

ทั้งนี้ Ninjavan ยังครอบคลุมการจัดส่งทั้งในไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ส่งสามารถเลือกจุดรับ-ส่งได้ รวมถึงเลือกประเภทการจัดส่งได้ ทั้งแบบส่งถึงวันถัดไป ส่งด่วน หรือส่งแบบปกติ มีบริการเก็บเงินปลายทางทุกพื้นที่ด้วยเช่นกัน

8. Best Express

บริการขนส่งพัสดุรายใหญ่จากประเทศจีน ที่เปิดครอบคลุมพื้นที่ในไทยทั้ง 77 จังหวัด โดยมีการดำเนินธุรกิจ 2 รูปแบบ คือ Best Express ที่ให้บริการรับส่งพัสดุด่วย และ Best Supply Chain ที่ให้บริการคลังสินค้า 

และทั้งนี้ Best Expres ยังรองรับการขนส่งพัสดุถึง 100 กก. ในค่าส่งพัสดุเริ่มต้น 40 บาทด้วยเช่นกัน 

นอกจากเลือกขนส่งเจ้าไหนดีแล้ว การประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ ควรมีการตลาดที่ดี ซึ่งหากจะให้ตรงกับประเภทของธุรกิจแล้ว แนะนำให้เป็นการตลาดออนไลน์ โดยมีหลักการเบื้องต้นดังต่อไปนี้

3 หลักการตลาดออนไลน์เบื้องต้น สำหรับธุรกิจขายของออนไลน์ 

1. รู้กลุ่มเป้าหมาย เลือก Target ที่ใช่

ทุกรูปแบบการตลาดออนไลน์ สิ่งสำคัญคือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ทั้งนี้ ธุรกิจต้องทราบและเข้าใจก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายคือใคร เพื่อนำไปสู่การศึกษาพฤติกรรม การเลือกช่องทาง Social Media และจัดทำ Content Maeketing ในลำดับต่อไป 

2. เลือก Social Media ที่เหมาะสม

ปัจจุบัน Social Media Platform มีให้เลือกใช้จำนวนมาก แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ธุรกิจทุกรูปแบบ จะเหมาะสมกับทุกแพลตฟอร์ม ขึ้นอยู่กับรูปแบบ ตัวตน และความต้องการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้นด้วย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายอยู่ในช่วง 18-35 ปี ธุรกิจอาจจะใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม แต่สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกัน หากธุรกิจมีกลุ่มเป้าหมายในช่วง 45-60 ปี อาจจะเลือกเป็น Facebook หรือ Official Website ที่เข้าถึงกลุ่มคนดังกล่าว เป็นต้น

3. สร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึง คำนึงถึง Branding 

Content Marketing มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้ง Social Post, Short VDO, Long VDO หรือในรูปแบบของ Influencer Review ทั้งนี้ ทุกธุรกิจสามารถทำคอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย, แพลตฟอร์มที่เลือก รวมถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำด้วยเช่นกัน 

การตลาดออนไลน์ที่ดี ช่วยธุรกิจขายของออนไลน์อย่างไรบ้าง ? 

1. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำนวนมาก

การตลาดออนไลน์ ถือว่าเป็นโลกแห่งการขายแบบไร้พรมแดน ไม่จำกัดจำนวนของผู้ที่มองเห็นหรือเข้าถึง นั่นทำให้การทำ Content Marketing สามารถกระจายการรับรู้ได้อย่างกว้างขวาง นำมาสู่การมีส่วนร่วม และการสร้างรายได้ในอนาคต

2. Branding ที่ดี และมีจุดยืนที่ชัดเจน

การเลือกสื่อต่างๆ ทั้งรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ ช่วยส่งภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพิ่มการจดจำ และมีการพูดถึงในทุกกระแสสังคม

3. ทำการตลาดออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ส่วนใหญ่จะเป็นการโพสต์ใน Social Media Platform นั่นทำให้ธุรกิจสามารถทำได้ทุกเวลา เพิ่มการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวก ง่าย และใช้ต้นทุนต่ำ 

4. ใช้ต้นทุนต่ำกว่าการตลาดออฟไลน์

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ว่าการทำการตลาดออนไลน์ จะผ่านการโพสต์ลงใน Social Media Platform ทั้งนี้ หากธุรกิจทราบถึงคอนเทนต์และกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ไม่ต้องยิงโฆษณา) แต่ทั้งนี้ หากต้องใช้การยิงโฆษณา ก็ยังคงใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่า ธุรกิจต้องการแบบไหน

5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมาย

แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นเหมือนช่องทางการสื่อสาร และโต้ตอบระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ทั้งผ่านการโพสต์และคอมเมนต์ การให้คำแนะนำหลังการขาย รวมถึงการสื่อสารผ่านแชตด้วยเช่นกัน 

 ธุรกิจขายของออนไลน์ จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งนี้ ค่าขนส่งพัสดุ เป็นต้นทุนสำคัญ ที่ธุรกิจสามารถปรับลดได้ เพียงแค่มั่นใจที่จะตอบคำถาม ‘เลือกใช้ขนส่งเจ้าไหนดี’ รวมถึงการทำการตลาดออนไลน์ ที่เป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์ พร้อมสื่อสารแบรนด์ไปในตัว หากธุรกิจขายของออนไลน์ เข้าใจ และปรับใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และนำมาซึ่งรายได้จากการขายของออนไลน์ได้ไมยากอย่างแน่นอน 

 

 

MarketingGuru ให้บริการการตลาดออนไลน์อย่างครบวงจร ครอบคลุมทุก Social Media Marketing ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถทำการตลาดได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ธุรกิจทุกกลุ่ม ทุกอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยนำแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักได้มากยิ่งขึ้น

🧡 ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี! 🧡

👉🏻 Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io

👉🏻 โทร 02-381-9045

👉🏻 Line คลิก > https://page.line.me/marketingguru

หรือแอด Line : @marketingguru

จากความนิยมในการเล่น Tiktok ส่งผลให้การตลาดออนไลน์ ร้านค้าและธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทำ Tiktok Ads

ทำการตลาดออนไลน์ ใช้ Tiktok Ads พร้อมวิธียิงแอด Tiktok

จากความนิยมในการเล่น Tiktok ส่งผลให้การตลาดออนไลน์ ร้านค้าและธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทำ Tiktok Ads

ทำการตลาดออนไลน์ ใช้ Tiktok Ads พร้อมวิธียิงแอด Tiktok

จากความนิยมในการเล่น Tiktok ส่งผลให้การตลาดออนไลน์ ร้านค้าและธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทำ Tiktok Ads และยิ่งเป็นยุคทองของ Short Video ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การถ่าย Tiktok ในปัจจุบัน ไม่เพียงแค่เพื่อความสนุกเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางรายได้ของธุรกิจด้วยเช่นกัน 

หากอยากยิงแอด Tiktok คุณต้องรู้อะไรบ้าง 

  1. เลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับแบรนด์

เนื่องจากการทำคลิป Tiktok สามารถเพิ่มลูกเล่น เพลง และวิธีการนำเสนอได้หลายแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่สร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน โดยสามารถแบ่งรูปแบบการถ่าย Tiktok ได้ดังนี้

  • 1.1 เน้นการเรียกยอด Reach จะปรากฏในหน้าฟีดของผู้ใช้งานโดยตรง เป็นการยิงแอด Tiktok ที่แทรกเนียนไปกับวิดีโอทั่วไป ซึ่งจะมีการเพิ่มปุ่ม Call to Action ได้  โดยรูปแบบนี้จะมีความยาวอยู่ที่ 3-5 นาที

 

  • 1.2 เข้าร่วมแคมเปญจาก Hashtag พลังของ Hashtag Challenge จะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับการสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมจากทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ 

 

  • 1.3 สร้าง Effect / Filter ของแบรนด์ เพราะการถ่าย Tiktok ในทุกครั้ง ทั้ง Creator หรือผู้ใช้งานทั่วไปมักใช้ฟิลเตอร์เพื่อความสนุกสนานอยู่แล้ว หากมีการสร้างเป็นของแบรนด์ จะช่วยเพิ่มการจดจำ และภาพลักษณ์ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น

การทำคอนเทนต์ใน Tiktok ควรเน้นความสม่ำเสมอ และอัปเดตเทรนด์อยู่เสมอ หากแบรนด์มีการติดตามกระแส และอัปโหลดวิดีโอ หรือใช้แผ่นเสียงที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น จะช่วยเพิ่มการแสดงผลหน้าฟีด For you ได้ไม่ยาก

2. ถ่าย Tiktok หรือทำคลิปร่วมกับ Creator 

เลือก Tiktok Creator หรือ ดาว Tiktok ที่มีฐานผู้ติดตามอยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องมีความเข้ากับธุรกิจ โดยพิจารณาจากรูปแบบการถ่าย Tiktok หรือแนวทางคอนเทนต์ที่ทำเป็นประจำ เพื่อกระจายฐานลูกค้าออกไปวงกว้าง ทั้งกระตุ้นฐานเดิม และเพิ่มการรับรู้ให้กับผู้รับชมใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้ มีสถิติว่า 33% ของกลุ่มคน Gen Z กดซื้อสินค้าหลังจากรับชมวิดีโอของเหล่าดาว Tiktok ซึ่งธุรกิจสามารถค้นหา Creator เพื่อร่วม Collab กับแบรนด์ได้ที่ TikTok Creator Marketplace features 

วิธียิง Tiktok Ads เพื่อทำการตลาดออนไลน์

การทำคลิป Tiktok เป็นวิธีที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยทั้งนี้ นอกจากการทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ แล้ว การยิงแอด Tiktok ถือเป็นการช่วยเพิ่มการมองเห็น และกระตุ้นการขายได้เป็นอย่างดี 

      1. สร้างแคมเปญโฆษณา พร้อมเลือกวัตถุประสงค์

    การอยากทำ Tiktok Ads ต้องมีบัญชีธุรกิจก่อน จากนั้นจึงทำการสร้างแคมเปญ และเลือกวัตถุประสงค์ในการยิงโฆษณา โดยแบ่งได้ดังนี้ 

        • หากเน้นเพิ่ม Reach แบบแสดงผลต่อจำนวนคนไม่ซ้ำ แนะนำให้เลือก Awareness

        • หากเน้นเพิ่มการเข้าชม หรือยอดวิว แนะนำให้เลือก Consideration

        • หากเน้นกระตุ้นการขาย แนะนำให้เลือก Conversion 

          1. เพิ่มรายละเอียดโดยการสร้าง Ads Group 

        Ads Group หรือกลุ่มโฆษณาย่อยที่อยู่ในแคมเปญ โดยจะต้องเพิ่มรายละเอียด ตามหัวข้อดังต่อไปนี้ 

            • Settings: กรอกชื่อของ Ads Group

            • Placements: เลือกช่องทางการปรากฎของ Tiktok Ads เช่น หน้า For You หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ

            • Ad Details: อัปคลิปที่ต้องการ พร้อมรายละเอียดแนบ เช่น Business Type หรือ Tag ต่างๆ

            • Creative Type: เลือกโหมดจัดการ Tiktok Ads

            • Creative Optimization ระบบจัดการ Tiktok Ads อัตโนมัติ

            • Targeting: ระบุกลุ่มเป้าหมาย โดยใส่ Location, เพศ, ช่วงอายุ เป็นต้น โดยกลุ่มเป้าหมายนี้ สามารถดูข้อมูลเชิงลึกแบบ Organic ได้จาก Tiktok Analytic เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเลือก

            • Budget & Schedule: กำหนดงบประมาณและเวลาในการจ่ายเงินของ Tiktok Ads 

            • Bidding & Optimization: เปรียบเทียบโฆษณาของคู่แข่ง และทำการ Bid ให้สูงกว่า 

          การเป็นที่นิยมของการเล่น Tiktok นำมาซึ่งการแจ้งเกิดของดาว Tiktok มากมาย ทั้งนี้ ยังเป็นช่องทางสร้างกำไรให้กับธุรกิจมาแล้วไม่ถ้วน การทำ Tiktok Ads จึงสามารถช่วยได้ตั้งแต่เพิ่มการมองเห็น สร้างช่องทางการปรากฎของคอนเทนต์ นำมาสู่การสร้างรายได้และกำไรในอนาคตด้วยเช่นกัน หากธุรกิจของคุณ กำลังมองหา Digital Marketing Agency ที่ให้คำปรึกษาเรื่องการทำ Tiktok Ads และการทำโฆษณาออนไลน์ช่องทางอื่นๆ สามารถปรึกษา MarketingGuru ได้ที่

          🧡 ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี! 🧡

          👉🏻 Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io

          👉🏻 โทร 02-381-9045

          👉🏻 Line คลิก > https://page.line.me/marketingguru

          หรือแอด Line : @marketingguru

          👉🏻 E-mail: contact@marketingguru.io

          เฟสโดนปิดกั้น เปิดการมองเห็น Facebook ทำการตลาดบนดฟสบุ๊ค

          เฟสโดนปิดกั้น คืออะไร แล้วเปิดการมองเห็น facebook อย่างไรได้บ้าง

          ปัญหาเฟสโดนปิดกั้น สามารถเกิดได้กับทุก Account ทั้งบัญชีส่วนตัว หรือบัญชีธุรกิจ ซึ่งได้กลายเป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ทั้งการทำการตลาดบนเฟสบุ๊ค หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป ที่ต้องการแชร์เรื่องราวบน Social Media ด้วยเช่นกัน 

          เจาะลึกปัญหา เฟสโดนปิดกั้น คืออะไร 

          เฟสโดนปิดกั้น คือการที่ผู้ใช้งานหรือบัญชีธุรกิจโพสต์เนื้อหาบน Facebook  แล้วมียอดการเข้าถึงที่น้อยลง รวมถึงยอด Engagement ทั้งการกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ลดลงจากเดิม ซึ่งในกรณีบัญชีธุรกิจ หรือ Fanpage สังเกตได้จากข้อมูลเชิงลึกทั้งยอด Reach และ Impression โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการตรวจสอบของ Facebook แล้วพบว่าผิดนโยบาย, การเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม หรือการคัดกรองคอนเทนต์ของ Facebook ด้วยเช่นกัน

          เฟสโดนปิดกั้น เกิดจากอะไรได้บ้าง 

          1. การตรวจสอบเนื้อหา
          • เนื้อหาผิดนโยบาย เช่น ทำการตลาดบนเฟสบุ๊คแล้วใช้คำโฆษณาเกินจริง, การใช้รูปภาพหรือข้อความอนาจาร, การละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
          • เนื้อหาซ้ำกับเพจอื่นๆ ไม่มีความแปลกใหม่ หรือไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเพจ 
          1. Facebook ทำการปรับอัลกอริทึม 
          • เฟซบุ๊ก เป็น Social Media ที่มีการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงอัลกอรึทึมบ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการคัดเลือก และดันคอนเทนต์ขึ้นหน้า Feed ทั้งนี้ โดยปกติแล้วโพสต์ที่ได้รับความสนใจสูง ทั้งมียอดการเข้าถึง ยอดไลก์ หรือยอดแชร์ในปริมาณมาก มักจะถูกดันให้แสดงผลหน้า Feed มากกว่าคอนเทนต์ทั่วไป 
          1. บัญชีผู้ใช้งาน

          ความน่าเชื่อถือของบัญชี อาจจะส่งผลให้เฟสโดนปิดกั้น เช่น บัญชีของคุณมีความน่าสงสัยว่าเป็นบัญชีปลอม หรือเป็นบัญชีที่เคยมีข้อหาละเมิด และทำผิดนโยบายมาก่อน เป็นต้น

          รู้ได้อย่างไร ว่าเฟสโดนปิดกั้น ? 

          1. เปรียบเทียบข้อมูลเชิงลึกของโพสต์

          เช็กจำนวนยอดการเข้าถึง และการมีส่วนร่วมของโพสต์ในช่วงที่ยังไม่โดนปิดกั้น กับโพสต์ในปัจจุบัน ว่ามีการเพิ่มขึ้น ลดลง หรือแตกต่างกันอย่างไร หากพบว่ามีการลดลงอย่างผิดปกติ ให้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกิดจากเฟสโดนปิดกั้น

          1. ทดสอบโพสต์

          โพสต์เนื้อหา แล้วขอความร่วมมือให้ผู้ติดตามกดไลก์ แชร์ หรือแสดงความคิดเห็น แล้วเช็กว่าผู้ติดตามเห็นโพสต์หน้า Feed หรือไม่ หากไม่เห็น นี่อาจจะเป็นสัญญาณของเฟสโดนปิดกั้น

          1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก  

          ใช้เครื่องมือ Meta เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกของช่วงที่ผ่านมา และปัจจุบัน หากพบว่า การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะแสดงให้เห็นว่า เหตุมาจาก Facebook โดนปิดกั้นด้วยเช่นกัน 

          แก้ปัญหาเฟสโดนปิดกั้น ด้วยวิธีเปิดการมองเห็น Facebook

          1. หมั่นโพสต์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์

          ศึกษานโยบายในการใช้งาน Facebook และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ห้ามปฏิบัติ พร้อมทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจอย่างจริงจัง ทั้งนี้ แนะนำว่า ควรผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ไม่ซ้ำกับของเดิม เพื่อป้องกันการตรวจจับที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

          1. เพิ่มคอนเทนต์ประเภทกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตาม 

          ผลิตคอนเทนต์แบบกิจกรรม ที่เน้นการคอมเมนต์ หรือการขอความร่วมมือให้ผู้ติดตามกระทำบางอย่างกับโพสต์ นอกจากจะได้กระตุ้นความสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันต่อ Facebook ว่าเพจของเราไม่ใช่เพจปลอมหรือผิดกฎหมายอีกด้วย

          1. ทำ Facebook Marketing ด้วยการบูสต์หรือยิงแอด

          เพิ่มการมองเห็น ด้วยการทำการตลาดบนเฟสบุ๊ค ทั้งการบูสต์โพสต์ หรือยิงโฆษณา เพื่อให้คอนเทนต์ของเรา แสดงผลหน้า Feed ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

          1. อัปเดตช่วงเวลาโพสต์ทีดีที่สุด 

          ทุก Social Media มีการปรับอัลกอรึทึมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์มักจะเปลี่ยนแปลงเสมอ ควรทำการอัปเดต ณ ขณะนั้น ว่า Facebook ควรโพสต์ช่วงเวลาไหน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงได้แบบ Organic 

          ป้องกันไม่ให้เฟสโดนปิดกั้นได้อย่างไร 

          1. ศึกษานโยบาย และกฎระเบียบการสร้างคอนเทนต์อย่างเคร่งครัด

          ทั้งวิธีการใช้ข้อความ การออกแบบรูปภาพประกอบโพสต์ การใส่ลิงก์แนบ การแชร์เนื้อหาต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทั้งเปิดการมองเห็น facebook และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพจด้วยเช่นกัน

          1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ทำคอนเทนต์ได้ตรงจุด

          สิ่งสำคัญคือการผลิตเนื้อหาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย น่าสนใจ และมีความสร้างสรรค์ เช่น การให้ความรู้ คำแนะนำ หรืออัปเดตข่าวสารที่เป็นประโยชน์ มีที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้เพจไม่โดนปิดกั้นได้ในระยะยาว 

          ในแต่ละ Social Media มีทั้งนโยบาย และข้อห้ามปฏิบัติ นั่นทำให้ Creator และนักการตลาดจำเป็นที่จะต้องศึกษาก่อนใช้ช่องทางนั้นๆ ควบคู่ไปกับการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะเป็นการสร้าง Branding ที่ดีให้กับธุรกิจแล้ว ยังถือเป็นการป้องกัน และแก้ปัญหาเฟสโดนปิดกั้นอย่างตรงจุดด้วยเช่นกัน 

          MarketingGuru ผู้ให้บริการด้าน Digital Agency ครอบคลุมการตลาดออนไลน์ทุกด้าน เรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านการทำ Facebook Marketing โดยตรง พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ และผลิตเนื้อหาที่สร้างสรรค์ให้กับธุรกิจ เพื่อให้การทำการตลาดบนเฟสบุ๊คของคุณ ไม่เกิดปัญหาเฟสโดนปิดกั้น นำไปสู่การสร้างการเข้าถึง และการมีส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพ และปิดการขายได้ในที่สุด 

          🧡 ติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี! 🧡

          👉🏻 Inbox Facebook: m.me/marketingguru.io

          👉🏻 โทร 02-381-9045

          👉🏻 Line คลิก > https://page.line.me/marketingguru

          หรือแอด Line : @marketingguru

          👉🏻 E-mail: contact@marketingguru.io